a tale in love rainy season of the two - นิยาย a tale in love rainy season of the two : Dek-D.com - Writer
×

    a tale in love rainy season of the two

    ปิดเทอมไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาเเต่งนิยายเล่นๆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเอกที่หนีออกจากบ้านเเล้วมาพบนางเอกที่ดาดฟ้าเเล้วชีวิตเเละเรื่องในอดีตของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรกันเเน่นะ เรื่องออกช้านิดนึงเพราะบ้านไม่มีเน็ตเเล้วปิดเทอมเรียนพิเศษอีกสงกรานจะมาเเต่งบ่อยขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    157

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    157

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 เม.ย. 52 / 13:38 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    จุดเริ่มต้น

    ขอให้นักเรียนและผู้ปกครองทุกคนโปรดมาที่หอประชุมด้วยครับ

    อาจารย์ใหญ่หรือที่เราเรียกว่า ผ.. ได้ตะโกนเรียกนักเรียนไปที่หอประชุมและแหกปากตามภาษาคนแก่ ซึ่งขนาดคนแก่ด้วยกันอย่างผู้ปกครองยังไม่อยากจะฟัง เมื่อไรจะประชุมเสร็จนะจะได้ไปรับผลสอบซะที 

    หลังจากการประชุมจบลง

    อ้าวทำไมผู้ปกครองเธอไม่มาล่ะ?

    ผมไม่พูดอะไรแต่ยื่นหลักฐานสาเหตุที่พ่อแม่ไม่มาให้ครูประจำโต๊ะได้ดู

    อืมวิชัย วิชัย วิชัย

    เสียงอาจารย์พูดเบาๆแล้วหาแฟ้มผลสอบที่มีซื่อของผม

    อ้าว อ่ะนี่ขอให้โชคดีนะ

    ขอบคุณครับอาจารย์

    แอ๊ดแกร๊ก

    ผมเปิดประตูบ้านเข้าไป พ่อแม่ยังไม่กลับหรือเนี่ย ผมไปที่ห้องครัวเพื่อดื่มน้ำแก้กระหาย มีกระดาษสีขาวแปะไว้ที่ตู้เย็น

    จะไปฉลองผลสอบของ ไม้หน่อยนะ

    อีกแล้วหรือ ทำไมไม่ชวนเราเลยนะ

    ผมพูดกับตัวเอง ก็รู้นะว่าพ่อแม่ปกติจะรักลูกผู้หญิงมากกว่า และแถมเราเป็น.

    ลูกบุญธรรมก็เหอะ

    ผมนั้นถูกพ่อแม่เก็บมาเลี้ยงและได้รับความรักมาโดยตลอดแต่ ตั้งแต่ไม้เกิดมา หรือน้องนั่นแหละ ผมก็ไม่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่อีกเลย

    ผมอยู่คนเดียวในบ้านมานานมากแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำ โทรหาเพื่อนหรือก็ไม่ได้หรอกผมไม่มีเพื่อน สมัยนี้คงไม่มีใครสนใจเด็กที่ถูกพ่อเเม่ทิ้งหรอกว่ามั้ยถ้ามีก็คง ทำการบ้านให้หน่อย           สอนนี่หน่อย หรือเรียกอีกอย่างว่าบังคับหรือขู่เเละเเกล้งไปวันๆ
    วันนี้ผมดูtvตั้งเเต่เช้ายันมืด

    แอ๊ด.แกร๊กo:p>

    พี่ค่ะ กินข้าวรึยัง

    น้องผมถามอย่างเป็นห่วง แต่พ่อแม่ผมสิไม่ถามสักคำ

    อ๋อพี่ทำกินเองแล้วล่ะ

    ความจริงแล้วผมไม่มีอารมกินมากกว่าจึงตอบโกหกไป

    เอ่อ พ่อแม่ครับ ผมได้ผลสอบแล้วครับ

    อือ แล้วเป็นไงบ้างล่ะ

    3.5ครับ

    อือ เก่งนะ

    แค่นั้นหรือนั่นเป็นสิ่งที่แสดงความพอใจแล้วหรือ ผมเหลือบไปเห็นผลสอบของ ไม้ ผมหยิบขึ้นมาดู 2.65

    ผมวางทิ้งซึ่งพยายามให้ปกติที่สุด  เจ็บใจเจ็บใจจริงๆได้แค่นี้ก็ฉลองกันแล้ว

    ไปนอนแล้วนะครับ

    ไม่มีใครตอบ  ช่างเหอะผมก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาสนใจอยู่แล้ว

    ห้องนอนผมไม่มีอะไรเด่นซะเท่าไรมีเพียงโต๊ะกับฟูก1อัน

    ผมนอนบนฟูกอันแสนนุ่ม ไม่มีอะไรสบายเท่านี้อีกแล้ว อ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ บิดขี้เกียจรู้งี้กลับมานอนเลยดีกว่า

    แอ๊ดพี่ค่ะ

    อ้าวไม้มาทำอะไรหรือ

    ความจริงผมอยากจะพูดคำหยาบออกไปหรือไล่ให้ออกจากห้องมากกว่า แต่ก็ทำไม่ได้เพราะอะไรก็ไม่รู้

    พี่หนูให้

    เธอยื่นสร้อยเส้นนึงมาให้ผม ตัวสร้อยมีหัวใจลักษณะเหมือนหนังน้ำเน่าที่ นางเอก พระเอก ไส่กัน

    ให้พี่ทำไม

    รางวัลไง

    รางวัล?ผมจำไม่ได้เลยว่าเคยไปประกวดที่ไหนมาก่อนถึงได้รางวัล หรือว่า

    หรือว่า?

    ก็รางวัลที่พี่สอบได้คะแนนดีไง

    น้ำตาผมไหลโดยไม่รู้ตัวคงเป็นเพราะผมคงไม่ได้ของขวัญมานาน ใครก็ต้องตกใจถ้ามีคนที่เราเกลียดมาให้ของเราแบบนี้ เขาให้ของเราแต่เรากลับเกลียดเขาแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกผิดและความอิจฉาที่มีทั้งหมดที่มีต่อน้องหายไปทั้งหมดทำไมนะทำไมเรารู้สึกผิดแบบนี้

    สร้อยที่ไม้ให้นั้นผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ามันเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าตัวสร้อยนั้นสามารถเปิดได้และมีรูป ของไม้อยู่ และเธอก็ได้หยิบสร้อยแบบเดียวกันอีกอันขึ้นมา

     พี่ค่ะอย่าลืมให้รูปไม้นะ

    รูป?

    ก็รูปของพี่ไงจะได้เอามาไส่ที่สร้อยของไม้ได้

    ไว้จะหาให้

    สัญญานะ

    เธอโชนิ้วก้อยขึ้นมาผมรู้เลยว่าหมายถึงอะไร ผมยิ้มอย่างเต็มใจกับน้องสาวคนนี้เป็นครั้งแรก ตอนแรกจากตอนที่ผมคิดว่าเธอเป็นตัวน่ารำคาญ ตอนนี้ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่คอยเยียวยาจิตใจผมไปแล้ว เธอเดินออกจากห้องอย่างช้าๆและผมมองรูปของเธอในตัวสร้อย รูปเธอมีชีวิตชีวาเเละดูมีความสุขมาก

    คืนนั้นตอนประมาณ 23:00

    ผมนอนไม่หลับ ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้รู้สึกมีคนมาปั่นหัวอยู่บ่อยๆ ผมพยายามฝืนไปหายามาบรรเทาอาการปวดหัว และผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน นั่นคือพ่อแม่นั่นเอง

    วิชัยน่ะเราเก็บเขามาเลี้ยงแล้วนะจะทิ้งไปได้ไง คุณก็รู้นี่มันผิดกฎหมาย

    แต่ว่า คุณเราเลี้ยงไม่ไหวหรอกนะลูก2คนน่ะ

    เมื่อก่อนเราคิดว่า วิชัยจะเป็นลูกแท้ๆของเราได้แต่ว่า ลูกไม่แท้ก็ไม่แท้ฉันรู้ดีอดทนหน่อยน่าแล้วจะดีขึ้นเอง

    ฉันทนไม่ไหวแล้ว ค่ะ

    ผมก็เช่นกัน

    วิชัย

    คุณพ่อครับคุณแม่ครับขอบคุณที่เลี้ยงผมเสมอมาครับ ถ้าผมเป็นคนที่ทำให้พวกคุณลำบากผมจะเป็นฝ่ายไปเองก็ได้แต่ผมขอร้องแค่ แค่อย่างเดียวก็ได้

    ช่วยเรียกผมว่าลูกได้ให้เห็นว่าผมไม่อ้างว้างทำให้ผมได้รู้ว่าผม ยังมีคนเลี้ยงดูเหมือนพ่อเหมือนแม่ ทุกครั้งที่ผมพูดกับพวกคุณผมรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า พวกคุณตอบแค่ อือ เออ มันมีความหมายทำให้ผมรู้ว่าคุณไม่อยากคุยด้วยอย่างเห็นได้ชัด ผมจะไปพรุ่งนี้แล้วนะครับ มันอาจจะลดภาระพวกคุณไปได้นิดนึง

    เป็นเรื่องน่าแปลกที่ผมพูดขนาดนั้นพวกเขาไม่มีท่าทีตกใจ หรือห้ามเลย

    เขาคงคิดว่าผมคงไม่กล้า หรือ อยากให้ไปเต็มทน ตอนนี้พวกเขาอาจดีใจอยู่ลึกๆก็ได้ใครจะไปรู้นอกจากพวกเขาทั้ง 2 เอง

    2วันต่อมา

    ลาก่อนบ้านอันแสนเงียบสงัดดั่งป่าช้า พ่อแม่บุญธรรมที่เคารพ และน้องที่เรียกได้ยิ่งกว่าน้องที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ว่าดีขนาดไหน และ พ่อแม่ขอบคุณที่ทำใบลาออกโรงเรียนให้นะครับ
    ตอนนั้นเป็นเวลา 8:00 เเละฝนตกหนักมาก ผมเดินออกมามีเพียงเงินเก็บเล็กน้อยเเละเสื้อกันฝนเพียงตัวเดียว
    "พี่"
    ไม้!เธอวิ่งตามผมมา ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งหนีเธอเเต่เธอก็หกล้ม
    ผมมองกลับไปเเละจะวิ่งไปหาไม้ ไม้เงยหน้าขึ้นมาเเล้วตะโกน
    "พี่ค่ะ อย่าไปเลย"
    ผมอึ้งชั่วขณะเเล้วมองกลับไปที่บ้านหลังนั้นเเล้วก็เริ่มเปลี่ยนเส้นทางอีกครั้งจากเดินไปดูอาการน้องตัวเองกลายเป็น ลาจากทุกอย่างทั้งพ่อ เเม่ บ้าน เเละ น้อง
    นั่นคือเส้นทางที่ผมเลือก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น